4 สาเหตุที่ทำให้สถานพยาบาลเอกชน ขาดทุน
จากที่ได้เคยเล่ามาในตอนก่อน ๆ นี้แล้วว่า ผมเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาทางการตลาด และการบริหารสถานพยาบาลเอกชน ตั้งแต่ระดับคลินิกเล็ก ๆ จนถึง รพ.เอกชน ขนาดหลายร้อยเตียง เป็นระยะเวลามากว่า 10 ปีนั้น วันนี้อยากมาสรุป สาเหตุหลัก ๆ ของการ ขาดทุน หรือ เจ๊ง ของสถานพยาบาลเอกชน ให้ได้ฟังกัน
สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้สถานพยาบาลเอกชนในทุกระดับ ประสบภาวะขาดทุน มีหัวใจหลัก ๆ อยู่เพียง 4 ข้อ ดังนี้
1. แพทย์
ไม่น่าเชื่อว่า ทรัพยากรที่ควรจะเป็นกลไกหลักในการสร้างผลประกอบการธุรกิจ สถานพยาบาลให้ดียิ่งขึ้นนั้น จะกลับกลายเป็น ผู้ทรงอนุภาพในการสร้างภาวะขาดทุน ให้กับสถานประกอบการเสียเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น จะไปโทษที่ตัวตนของแพทย์ เสียอย่างเดียวก็ไม่ได้ ต้องโทษที่กรรมวิธีในการบริหารจัดการและการสร้างความเข้าใจ ในการประกอบธุรกิจให้กับแพทย์ทุกท่าน อย่างต่อเนื่อง
แต่สิ่งที่พบเห็นกันทั่วไป กลับกลายเป็นการปล่อยปละ ละเลย ให้แพทย์ร่วมบริหารจัดการธุรกิจตามอำเภอใจ ตัวอย่างง่าย ๆ เช่น การเลือกใช้ยาและเวชภัณฑ์ รวมถึงสถานพยาบาลส่วนใหญ่มักประสบปัญหาเรื่องการบริการของแพทย์ ที่เด่นชัดก็มักเป็นเรื่องของ เวลา , พฤติกรรมบริการ ซึ่งทำให้ภาพรวมการบริการของแพทย์มีความแตกต่างกันของแต่ละบุคคลอย่างเห็นได้ชัด
ต้องยอมรับกันว่า การที่อัตรากำลังของแพทย์ (โดยเฉพาะแพทย์เฉพาะทาง Part Time ) ซึ่งขาดแคลนอย่างยิ่งในปัจจุบัน จนหลาย ๆ สถานพยาบาลไม่กล้าที่จะใช้กฎระเบียบข้อบังคับ แต่กลับใช้การดูแลเอาอกเอาใจแพทย์ มากเป็นพิเศษ พอถึงเวลาที่จะขอความร่วมมือใด ๆ ก็ตามจากแพทย์ เช่น การเชียร์แอดมิด หรือการขอให้ใช้ยาและเวชภัณฑ์ที่เหมาะสมกับธุรกิจ จึงไม่กล้าพูดอย่างเต็มปากเต็มคำนัก สุดท้ายก็ต้อง ยอม ๆ กันไป ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของลูกค้า หรือคนไข้ทางด้านลบ และเกิดการบอกต่อในแง่ลบต่อไปเรื่อย ๆ
2. ระบบ บริหารจัดการบุคลากร ไม่มีประสิทธิภาพ
ที่เห็นได้ชัดคือ กลุ่มเจ้าหน้าที่วิชาชีพ เช่น พยาบาล , เภสัชกร , รังสี ฯลฯ หรือแม้กระทั่งบุคลากรวิชาชีพระดับปฏิบัติการ เช่น เจ้าหน้าที่เปล , รปภ.
ก็คงคล้าย ๆ กับกรณีของแพทย์ที่กล่าวมาแล้ว สาเหตุหลัก ๆ ก็คงเกิดจากความเชื่อในวงการที่ฝังแน่นว่า เจ้าหน้าที่กลุ่มนี้หายาก หาเย็น ถ้าฝ่ายบุคคลไม่แข็งแกร่งพอ ไม่กล้าจัดระบบการทำงานให้เป็นรูปธรรม ก็เท่ากับปล่อย ให้ตัวตนของเจ้าหน้าที่เหล่านี้ทำงานกันเองตามอัธยาศัย จนส่งผลกระทบกับความเชื่อมั่นของผู้มารับบริการในที่สุด
ไม่เพียงแต่เจ้าหน้าที่สายงานวิชาชีพเท่านั้น ในวงการนี้กลับมีเรื่องน่าแปลกใจที่เจ้าหน้าที่ส่วน สำนักงานอื่น ๆ ไม่ได้รับการเหลียวแลในการพัฒนาคุณภาพการบริการ รวมถึงด้านรายได้ที่เหมาะสมและจูงใจ ทั้ง ๆ ที่ หน่วยงานสำนักงานต่าง ๆ เหล่านี้ ก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า ส่วนงานทางวิชาชีพเท่าใดนัก และงานก็หนักมากพอ ๆ กัน การไม่ให้ความใส่ใจกับหน่วยงานสำนักงานเหล่านี้ ก็ส่งผลให้การปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง ผิดพลาด ส่งผลเสียกับธุรกิจได้เช่นเดียวกัน
เป็นเรื่องน่าแปลกในวงการสถานพยาบาล ที่ผู้บริหารมักมีมุมมองในการบริหารเพียงด้านเดียว คือ บริการทางวิชาชีพ และยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นประเด็นที่สำคัญที่สุด เรื่องนี้ผมไม่เถียงว่ามันสำคัญ แต่ถ้าคุณประกอบธุรกิจสถานพยาบาล แต่ละเลยมุมมองด้านบริหารธุรกิจ หรือให้ความสำคัญน้อยกว่ามุมมองด้านวิชาชีพ แล้วคุณจะมาทำธุรกิจ..ทำไม ?
3. อ่อนประชาสัมพันธ์ และ ศักยภาพทางการตลาดต่ำ
สถานพยาบาลในยุคปัจจุบัน หนีไม่พ้นหรอกครับที่ต้องการประชาสัมพันธ์และการตลาด แนวคิดแบบเก่า ๆ ที่คาดหวังการให้บริการที่ดี แล้วคนไข้จะไปบอกต่อ ซึ่งหลาย ๆ สถานพยาบาลประสบความสำเร็จมาแล้วนั้น อาจยังใช้ได้อยู่บ้างในปัจจุบัน แต่คุณเคยตั้งข้อสงสัยบ้างไหมว่า ทำไมสินค้าและบริการชื่อดังจำนวนมาก ยังคงต้องทำการตลาดกันอย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างให้ฟังก็ได้
มาม่า , แป๊บซี่ , โตโยต้า , วุฒิ-ศักดิ์ , พญาไท ฯลฯ
ความจำเป็นในการประชาสัมพันธ์เป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ ที่พบเห็นมาบ่อย ๆ สถานพยาบาลมักให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอันดับท้าย ๆ หรือแม้กระทั่งอาจไม่ได้มีผู้รับผิดชอบงานด้านนี้โดยตรง อย่างแท้จริง
เจ้าของธุรกิจสถานพยาบาลหลาย ๆ คน มีความรู้สึกสิ้นเปลืองหรืออาย ที่จะบอกว่าตัวเองต้องทำการตลาด คุณกำลังทำธุรกิจ นะครับ ! คำว่าธุรกิจ หมายถึง คุณมีการลงทุนเกิดขึ้น ทั้งเงินเดือนค่าจ้าง , เครื่องมือแพทย์ , ยาและเวชภัณฑ์ ต่าง ๆ รวมถึงดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นทุกวินาที แล้วถ้าคุณไม่รีบเร่งเพื่อเพิ่มผลประกอบการ หรือมัวแต่เหนียมอายที่จะบอกว่าคุณทำธุรกิจ สุดท้ายคำว่า ขาดทุน ก็เป็นสิ่งที่คุณหนีไม่พ้น ยกเว้น คุณจะเฮงจริงๆ นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง
4. ข้อสุดท้าย คือ ไม่สามารถบริหารต้นทุนให้เหมาะสม หรือเรียกง่าย ๆ ว่า การบริหารการเงิน ขาดประสิทธิภาพ
เจ้าของธุรกิจสถานพยาบาลที่ประสบปัญหาขาดทุน ส่วนใหญ่มักขาดความรู้ความเข้าใจในการบริหารการเงิน อย่างเป็นระบบ ! มุ่งมั่นเพียงแค่การหาลูกค้าให้มากที่สุด รวมถึงการลดค่าใช้จ่ายให้น้อยที่สุด เท่าที่จะทำได้ จนในบางครั้งการประหยัดค่าใช้จ่าย กลับส่งผลกระทบอย่างรุนแรงในผลของการให้บริการของธุรกิจคุณเอง
การบริหารการเงินที่ถูกต้อง มิได้มีความหมายเพียงแค่ หาเงินมาก ใช้เงินน้อย เท่านั้น ! แต่กลับมีความหมายที่ยิ่งใหญ่ในการพัฒนาธุรกิจอย่างคาดไม่ถึง ซึ่งในการพัฒนาธุรกิจต้องมีการวางแผนการเงินที่เฉียบขาด รวมถึงความรู้ความเข้าใจในระบบการเงินอย่างถูกต้องและชัดเจน ตัวอย่างเช่น ระบบบัญชี ภาษี งบประมาณ ค่าใช้จ่ายที่มองไม่เห็น ซึ่งคุณจะต้องใช้เงินทั้งนั้นเพื่อต่อยอดธุรกิจให้เดินหน้า อย่างไม่หยุดยั้ง
เท่าที่พบเห็นมา เจ้าของสถานพยาบาลส่วนใหญ่ ไม่ค่อยมีความรู้ในการบริหารการเงินเท่าที่ควร ลูบหน้าปะจมูก กันไปเรื่อยๆ ช่วงไหนต้องใช้เงินก้อนใหญ่ ๆ ก็มักเกิดภาวะเครียดและมองหาทุกวิถีทางในการตัดลด งบประมาณส่วนอื่น ๆ จนในบางครั้งไปตัดในส่วนที่ไม่ควรตัด ลดในสิ่งที่ไม่ควรลด ก็ส่งผลเสียกับงานเหมือนกัน
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ รับรองได้ว่าสถานพยาบาลที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจ จะให้ความสำคัญในการบริหารปัญหาทั้ง 4 อย่างใหญ่หลวง ในขณะเดียวกันข้อใดข้อหนึ่งใน 4 ข้อนี้หรือทุก ๆ ข้อจะเกิดขึ้นในสถานพยาบาลที่ขาดทุน และไม่ประสบผลสำเร็จทางธุรกิจเลย
ลองหันกลับไปมองธุรกิจสถานพยาบาลของคุณด้วยใจเป็นกลาง ว่าสิ่งที่ผลเล่ามานั้นเกิดขึ้นหรือไม่ กับสถานพยาบาลของคุณ และคุณสามารถแก้ไขมันได้หรือไม่ อย่างน้อยคุณจะได้หลีกเลี่ยงโอกาสที่จะพบกับคำว่า ขาดทุน ในคำว่า ธุรกิจสถานพยาบาล