ประเด็นที่ 2 คือ สินค้าประเภทอาหารเสริมสมุนไพร มีอายุการเก็บรักษาสั้น เรียกได้ว่า ต้องมั่นใจว่า ธุรกิจ SME ของคุณ จะต้องไม่เกิดการ Death stock ทำให้ธุรกิจ SME ของคุณต้องมีการตลาดที่แข็งแกร่งมาก และมีสินค้าที่หมุนได้เร็ว ซึ่งมีผู้ประกอบการน้อยรายมากที่สามารถหมุนสินค้าได้รวดเร็ว ทันต่อการหมดอายุของสมุนไพร

เห็นได้ว่า เมื่อผ่านปัญหาด้าน Raw material ไปแล้ว นึกว่าจะเบาใจได้ว่า มีสินค้าขายอย่างแน่นอน แต่ถ้า supply มีมากกว่า demand ในตลาดเมื่อใด สินค้าค้าง stock ทันที และก็หมดอายุในที่สุด

วิธีแก้ปัญหาข้อนี้

1.ต้องเลือกสินค้าที่ balance กับ demand ในตลาด อย่าเผื่อค้าง stock เยอะ

2.ก่อนจะนำสินค้าตัวใดมาขาย ควร research ตลาดก่อน และสร้าง trend การเสริมสุขภาพ ในเขตพื้นที่ได้รักสุขภาพ ด้วยสมุนไพร ซึ่งประเทศจีน ทำสำเร็จมาแล้ว ด้วยการดื่มชา เป็นวัฒนธรรมหลักของประเทศ

3.หากสินค้ามีแนวโน้ม Death stock ให้นำสินค้าดังกล่าวไปสร้าง trend ในข้อ 2 ทันที

จุดอ่อนที่ 3 : ราคาอาหารเสริมของสมุนไพร ราคาจะสูงกว่า อาหารเสริมจากการสังเคราะห์

P ตัวหนึ่งที่ต้องสนใจเป็นอย่างมาก คือ Price เพราะตัวราคาที่เกิดจากการแปรสภาพ Raw Material ที่เป็น Natural ทำให้กรรมวิธีในการผลิตหลายขั้นตอน และ Raw material ที่นำมาผลิต เมื่อผ่านขั้นตอนหลายขั้นตอนแล้ว สาระสำคัญที่ได้ เหลือน้อยมาก ดังนั้น เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่าย ว่าราคาในท้องตลาด สูงกว่า อาหารเสริมที่ผลิตจากสารสังเคราะห์

ตรงกันข้าม ความรู้สึก (Feeling) ของผู้บริโภค รู้สึกว่า กว่าสมุนไพร จะได้ผล ต้องรับประทานในปริมาณมาก เมื่อเทียบกับสมุนไพรที่เกิดจากการสังเคราะห์

แก้โจทย์ :

Grouping กลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจนก่อน หากสมุนไพรบางชนิดราคาสูง แต่นั่นก็มันความว่า มันก็เป็น Rare Item ด้วย ลองเปรียบเทียบกับ รังนก ที่หายาก หรือ โสมคุณภาพดีๆ ดู ดังนั้น สินค้าที่มีลักษณะเป็น Rare Item ก็ต้องปล่อยให้ Pricing ให้สูง แต่จับกลุ่มลูกค้าตลาดบน และพัฒนา Packaging ที่เตะตา ยกระดับ Branding ให้สูงไปเลย

ส่วนกลุ่มตลาดล่าง ก็อย่าทิ้ง ปรับ Product ให้เน้นปริมาณ เช่นแทนที่จะแบ่งบรรจุ ซึ่งเท่ากับว่าต้นทุนด้าน packaging สูงขึ้น บรรจุให้เยอะขึ้น เช่นเพิ่มจาก 30 เม็ด เป็น 60 เม็ด ปรับจากแคปซูลเป็นลูกกลอนดู แล้วให้ความรู้อย่างถูกต้องแก่ลูกค้า โดยใช้หลักทางวิชาการ อย่าใช้คำโฆษณาชวนเชื่อ ก็อาจจะสามารถเดินตลาดไปได้